Wedding Decor-12 ผลงาน 12 คาแรกเตอร์ จาก ทีมกราฟิกดีไซน์เนอร์ลดาวัลย์
top of page

12 ผลงาน 12 คาแรกเตอร์ จาก ทีมกราฟิกดีไซน์เนอร์ลดาวัลย์


Concept การออกแบบงานของทีมกราฟิกดีไซน์เนอร์ลดาวัลย์ คือ “เราไม่ต้องการให้คู่บ่าวสาวมีงานแต่งงานที่มีรูปแบบเหมือนใคร เราอยากให้งานออกมาเป็นงานในแบบฉบับของคู่บ่าวสาวเอง” การออกแบบงานแต่งงานให้กับคู่บ่าวสาวของลดาวัลย์ในแต่ละคู่นั้น ทางทีมกราฟิกดีไซน์เนอร์จะดึงตัวตนของคู่บ่าวสาวออกมา เพื่อนำมาถ่ายทอดผ่านผลงานการตกแต่ง โดยที่ทางทีมกราฟิกดีไซน์เนอร์จะมีการพบปะพูดคุยกับคู่บ่าวสาวก่อนการออกแบบ เพื่อวิเคราะห์ว่าตัวตนที่แท้จริงของคู่บ่าวสาวนั้นคืออะไร จึงเป็นการนำมาสู่การสร้างความโดดเด่น แตกต่าง และเป็นเอกลักษณ์ ให้กับงานแต่งงานของคู่บ่าวสาวในแต่ละคู่


วันนี้ทางทีมงาน จึงขอนำเสนอ 12 ผลงาน 12 คาแรกเตอร์ของคู่บ่าวสาวลดาวัลย์ พร้อมทั้งการบรรยายถึงแรงบันดาลใจ ที่ทำให้เกิดผลงานในแต่ละชิ้นขึ้นมา


 

1

“BLEND WITH NATURE”

Description :

งานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสช่วงบ่ายของคุณแก้ว และคุณโทนี่ เกิดจากความฝันของคู่บ่าวสาว ที่ต้องการจะกล่าวคำสาบาน และคำสัญญารักใต้ต้นไม้ใหญ่ และเชิญแขกมาร่วมเป็นสักขีพยาน ต้นไม้ใหญ่ จึงถูกนำมาใช้เป็นคีย์หลักของงาน ตั้งตระหง่านอยู่บนเวที ห้อยด้วยผ้าขาว มีความเรียบง่าย สะอาด และให้กลิ่นอายความเป็นสากล พื้นที่โดยรอบตกแต่งด้วยดอกไม้ป่า เน้นสี colorful เพิ่มความสดใสกับธรรมชาติ ให้เข้ากับบรรยากาศงานที่เน้นความเป็นกันเอง และสนุกสนานในช่วงเวลานั้น สังเกตได้ว่างานนี้จะไม่มีโลโก้ เนื่องจากตั้งใจให้งานออกมาดูธรรมชาติที่สุด เปรียบเสมือนว่าเราพาทุกคนไปอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่จริงๆ ตามความตั้งใจของคู่บ่าวสาว


ในส่วนของงาน Private Dinner ของคุณแก้ว และคุณโทนี่นั้นจัดขึ้นที่หน้าบ้านของเจ้าบ่าว ณ Toscana Valley

สถานที่ดังกล่าวถูกเนรมิตให้กลายเป็นงานดินเนอร์ยามค่ำคืนสุดอบอุ่น กองฟาง ถูกนำมาจัดเรียงหน้าบ้านเพื่อให้แขกได้นั่งชมพิธีการ และทำกิจกรรมกันอย่างตามใจชอบ โดยได้แรงบันดาลใจมาจาก Flea Market ตามประเพณีของฝรั่ง Lighting หรืองานไฟ ถูกนำมาใช้เป็นคีย์หลักของงาน เป็นส่วนสำคัญที่เน้นให้บรรยากาศออกมาดูคันทรี่ มีกลิ่นอายสไตล์สากล การตกแต่งบนโต๊ะยาวเน้นใช้โครงสร้างใหญ่สีดำ ออกแบบให้มีลักษณะโค้งยาว คล้ายคลื่นของสายลม พาดตกแต่งด้วยไฟเป็นทอดๆ ไปตั้งแต่เริ่มจนจบ ผสมผสานกับการห้อยประดับด้วยพันธุ์ไม้สีเขียวผสมขาว ตัวโต๊ะ เก้าอี้ รวมถึง show plate ใช้เป็นวัสดุเนื้อไม้ เน้นความเป็นธรรมชาติ เชิงเทียน และดอกไม้สีสันสดใส ถูกนำมาประดับกลางโต๊ะ เพิ่มความอบอุ่น เป็นกันเอง


รอบๆ งาน ตกแต่งด้วยเชิงเทียนสูง เพิ่มความสว่างไสว และประดับตกแต่งด้วยดอกแพมพัส (pampas grass) หรือดอกอ้อ ให้งานดูโรแมนติก เหมาะกับฤดูหนาว ในช่วงของการเปิด After Party ยังมีเซอร์ไพรส์โชว์พลุตระการตา เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งการเฉลิมฉลองให้กับวันแรกที่ทั้งคู่ได้ร่วมเดินทางด้วยกันในฐานะสามี ภรรยาอีกด้วย นับเป็นงานที่ครบเครื่องทั้งเรื่องการตกแต่ง บรรยากาศ แสง สี และเสียง


2

“ENDLESS ROAD”

Description :

เรื่องราวอาชีพเจ้าของบริการรถหรูให้เช่า ความชื่นชอบในความเร็ว และความสุขที่ได้เดินทางบนถนนหนทางที่ไร้จุดหมาย ถูกนำมาตีความเป็นดีไซน์งานแต่งของทั้งคู่ คาแรกเตอร์ของเจ้าสาวที่ภายนอกดูเป็นคนตัวเล็กน่ารัก แต่แท้จริงแล้วแฝงไปด้วยความเซ็กซี่ และดูน่าค้นหา ถูกนำมาแสดงออกในตัวงาน ผ่านการใช้ดอกไม้ป่าสีโทนร้อน จับคู่กับวัสดุสีทอง และคริสตัล เพิ่มความสนุกสนาน เซ็กซี่ มีสเน่ห์ และน่าค้นหา ซึ่งแตกต่างจากงานแต่งงานส่วนใหญ่ที่มีธีมแฟรี่เทล ให้ความรู้สึกโรแมนติก ดูอลังการ


โครงสร้างหลักถูกออกแบบให้เป็นทรง spiral หรือเกลียวสะบัดโค้ง ไร้ซึ่งเหลี่ยม เห็นได้จากจุดไฮไลท์ซึ่งคือ Backdrop และบันไดวนที่เวที สื่อความหมายถึง เส้นสายของถนนหนทางที่ไต่ขึ้นไปด้านบนไร้จุดบรรจบ เป็นการเดินทางที่มีความสุขของคู่บ่าวสาว และยังเป็นเส้นทางที่ทั้งคู่จะร่วมฝ่าฟันไปด้วยกันตลอดชีวิต การเดินทางที่แสนพิเศษนี้ไร้ซึ่งจุดหมาย เปรียบเสมือนความรักของทั้งคู่ที่จะยังคงเดินทางต่อไปข้างหน้าไม่มีที่สิ้นสุด


3

"LIGHT UP THE SKY"

Description :

เพราะธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ คือจุดเริ่มต้นของปรากฎการณ์อันมหัศจรรย์ เหล่าหิ่งห้อยจึงมารวมตัวกัน ส่องสว่างอยู่บนผืนฟ้าในยามค่ำคืน จากไอเดียสวนดอกไม้ตามความชอบของเจ้าสาว ได้ต่อยอดเป็นปรากฎการณ์อันน่าทึ่ง กับคอนเซปต์ดินแดนหิ่งห้อย สิ่งมหัศจรรย์ที่ส่องแสงระยิบระยับ สวยงามราวกับเทพนิยาย แสง และลวดลายจากปีกของหิ่งห้อย ถูกนำมาใช้ในตัวงาน ผสมผสานกับลวดลายศิลปะในยุค Art Nouveau ที่ปรับลดทอนให้ดูทันสมัยมากยิ่งขึ้น การเล่นซีนแสงในแต่ละจุดที่แตกต่างกันออกไปตามช่วงเวลา ยังทำให้บรรยากาศดูเงียบสงบ อบอุ่น และปลอดภัยทันทีที่แขกเดินเข้ามาในตัวงาน


ไฮไลท์หลัก ซึ่งเป็นสิ่งที่ดึงดูดให้หิ่งห้อยมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ก็คือความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า และทุ่งดอกไม้ ซึ่งเราเลือกใช้การปักดอกไม้แบบธรรมชาติ เน้นความหลายหลายของชนิด และเน้นสีชมพู ไล่ไปถึงเฉดม่วง เพิ่มความแฟรี่เทล บนเวทียังมีต้นไม้ใหญ่ที่ประดับด้วยคริสตัล เพิ่มความระยิบระยับ เล่นไปกับแสงสีเหลืองทองอร่ามจากหิ่งห้อย ให้ความรู้สึกราวกับเทพนิยาย ภาพรวมทั้งหมดคือความงามทางธรรมชาติที่หาดูได้ยาก และเราเลือกที่จะให้มันเกิดขึ้นที่งานแต่งของพวกเขาทั้งคู่ในค่ำคืนนั้น


4

“SWEET DIARY”

Description :

งานของคุณฟี่ และคุณอาร์ม ได้แรงบัลดาลใจมาจากภาพภูเขามันเทอร์ฮอน แสงพระอาทิตย์ตัดกับหมอกเป็นเส้นแสงสีชมพูกับท้องฟ้า และแสงพระอาทิตย์อุ่นๆตัดกับต้นไม้ใบไม้ตามเทือกเขาที่มาตกกระทบกันกับพื้นผิว ทำให้รู้สึกอบอุ่น เป็นความรู้สึกที่เป็นการเริ่มต้นของเช้าวันใหม่ สิ่งดีๆกำลังจะเกิดขึ้น เหมือนความรัก และชีวิตที่กำลังจะเบ่งบานขึ้นอีกครั้ง


รูปแบบการดีไชน์ในงานมาจากเส้นโค้งของเทือกเขา การจัดวางดอกไม้เป็นกลุ่มต่างๆ ไม่วางกระจัดกระจาย เพื่อเป็นการเน้นการจัดวางที่เป็นธรรมชาติ เส้นสายต่างๆยังคงความคลาสสิกอยู่ ทางเราเลือกใช้สีทองเพื่อให้ดูโดดเด่น และเลือกใช้วัสดุที่ดูแปลกตาเพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับงาน


5

"LOST IN LAKE BLAUSEE"

Description :

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ทะเลสาบสีฟ้านามว่าเบลาเซ ต้นไม้ ภูเขา และน้ำตกถูกปกคลุมด้วยหิมะบางเบา ท่ามกลางธรรมชาตินั้น สายรุ้งได้คาดผ่าน ปรากฏเป็นภาพแห่งความทรงจำระหว่างคู่รักที่สวยงามที่สุด สถานที่แห่งนี้ถูกเนรมิตให้กลายเป็นภาพแห่งความทรงจำ เรื่องราวความรักในวัยเรียนระหว่างคู่บ่าวสาวที่สวิตเซอร์แลนด์ ทะเลสาบเบลาเซ หรือทะเลสาบสีฟ้า สถานที่ที่สวยงามที่สุดสำหรับทั้งคู่ถูกยกมาไว้ที่นี่ ห้อมล้อมไปด้วยภูเขา ธารน้ำ น้ำตก และธรรมชาติเขียวขจีที่ทำให้ใครต่อใครที่ได้ย่างเข้ามา ต่างรู้สึกเพลิดเพลิน และหลงใหลไปตามๆกัน


สีน้ำเงินถูกใช้เป็นคีย์หลักของงานเพิ่มกลิ่นแฟรี่เทลจากความหนักของสี และแซมด้วยสีทองให้งานดูหรูหรามากขึ้น ฉากของ Backdrop ถูกทำให้มีลักษณะพิเศษ เห็นความลึก 5 ด้าน และยาวถึง 12 เมตร วัสดุที่ใช้เน้นความทันสมัย ด้วยการใช้มิลเลอร์ปิดผิวเพิ่มการสะท้อน เน้นความหลากหลาย และการไล่ระดับของเลเยอร์ที่ไม่สมมาตร แต่มีความสมดุล รอบๆ ถูกตกแต่งด้วยแสงเทียน พื้นด้านหลังทำเป็นวิวของท้องฟ้า ก้อนเมฆ และทิวสนจากผ้าพิมพ์ที่พริ้วไปมา พื้นด้านล่างใช้เทคนิคของจอ LED สร้างสรรค์เป็นซีนธารน้ำ สร้างมิติ และลูกเล่นใหม่ให้กับงานแต่งงาน ให้เป็นฉากที่มีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ทำให้แขกในงานรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ หรือสถานที่แห่งนั้นจริงๆ


ไฮไลท์หลักของงานคือเวทีที่ได้แรงบันดาลใจมาจากภูเขาที่ไล่ระดับ โค้งไปมา คงความไม่สมมาตร แต่สมดุล เส้นโค้ง 3 เส้นที่คาดผ่านคือรุ้งกินน้ำ ที่ลอยอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ที่มีน้ำตก ไอน้ำ และความอบอุ่นจากแสงเทียน สะท้อนช่วงเวลาใกล้รุ่งสางที่หิมะเริ่มละลาย จนเห็นเป็นธรรมชาติที่เขียวขจี ซึ่งเป็นความทรงจำที่บ่าวสาวชื่นชอบเกี่ยวกับสวิตเซอร์แลนด์ที่สุด ใครก็ตามที่ได้เห็นที่แห่งนี้ คงสัมผัสได้ถึงความลึกลับน่าค้นหาตั้งแต่แรกพบ และหากก้าวเข้ามาแล้วคงเพลิดเพลินกับมันจนกลายเป็นอีกหนึ่งความทรงจำของพวกเขาอย่างแน่นอน


6

“DARLING”

Description :

ด้วยความที่คุณดาร์ลิ่ง(เจ้าสาวของเรา) เป็นคนที่ชอบความหรูหรา ความวินเทจ และความแกลม จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทีมกราฟิกดีไซน์เนอร์ของเรา นำความชื่นชอบของเจ้าสาวมาต่อยอด จนเกิดเป็นงานนี้ขึ้นมา ในการออกแบบงานแต่ละครั้ง ทีมกราฟิกดีไซน์เนอร์ต้องสำรวจองค์ประกอบอื่นๆร่วมด้วย เช่น สถานที่จัดงาน และชุดของคู่บ่าวสาว

โดยงานแต่งครั้งนี้จัดขึ้นที่บ้านของคู่บ่าวสาว ซึ่งตัวโครงสร้างของบ้านหลังนี้มีความเป็นโรมันคลาสสิก ประกอบกับชุดของเจ้าสาวมีความเซ็กซี่เล็กๆ ดังนั้น ทีมกราฟิกดีไซน์เนอร์ของเรา จึงมีความต้องการให้งานนี้ออกมาเซ็กซี่ ร้อนแรง และยังคงความแกลมอยู่ ตัวโครงสร้างภายในงานเป็นสีทองมันเงาทั้งหมด แซมด้วยคริสตัลเพื่อเพิ่มความหรูหรา ดอกไม้ที่ใช้ภายในงานจะเป็นดอกไม้โทนสีร้อนทั้งหมด เพื่อให้เข้ากับธีมงาน และคาแรกเตอร์เจ้าสาวของเรา


7

“DREAM AMONG DREAMS”

Description :

ภาพรวมคอนเซ็ปต์ของงานจะเป็นการผสมระหว่างยุค Art Deco-Classic จากเจ้าสาวที่เป็น Beauty Blogger รักความสวยงาม บวกกับเป็นคนชอบหนังเรื่อง The Great Gatsby ทีมกราฟิกดีไซน์เนอร์จึงดึงสไตล์ในยุคนั้นที่ศิลปะ และแฟชั่นเฟื่องฟู กับเสน่ห์ของหนังเรื่องนี้ออกมาใช้ในตัวงาน ดอกไม้ภายในงานได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ซีนที่นางเอกเข้าไปเจอพระเอกในบ้านที่เต็มไปด้วยดอกกล้วยไม้สีขาว และสีเขียวอ่อน ถูกนำมาตกแต่งให้เหมือนเป็นก้อนเมฆลอยอยู่ด้านล่าง


ในส่วนของแกลอรี่ต้อนรับแขก มีการนำตัวอักษรแรกของชื่อบ่าวสาว MH (Myhang-William) มาเป็นลูกเล่นภายในงาน ตามด้วยอุโมงค์ดอกไม้สไตล์คลาสสิค หรูหราประดับคริสตัล และสุดท้ายเป็นตัว Backdrop ตกแต่งสไตล์ Art Deco ด้านในจะเป็นการผสมผสานสไตล์คลาสสิค เน้นโครงสร้างสูงโปร่ง ของชำร่วยภายในงาน คือดอกไม้สีขาวนานาพันธุ์ในขวดแก้วแจกันที่มีความหรูหราคลาสสิค มีการติดชื่อแขกร่วมงานแต่ละคนพร้อมเลขที่นั่งรับประทานอาหาร ซึ่งส่วนนี้ถูกนำมาใช้เป็นหนึ่งในการตกแต่งงาน และเป็นกิจกรรมเล็กๆ เพื่อให้แขกได้มีส่วนร่วม และสนุกสนานไปกับงาน รวมทั้งกิจกรรมอื่นๆอีกมากมาย เช่น การจับคู่เต้นรำระหว่าง เจ้าบ่าวกับคุณแม่ และ เจ้าสาวกับคุณพ่อ


8

"HALO IN GLODEN MEADOW"

Description :

สถานที่แห่งนี้ถูกจำลองให้เปรียบเสมือน คืนในยามพลบค่ำ ที่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้าแห้งสีทองในฤดูหนาว พระจันทร์นั้นโผล่พ้นทิวเขาขึ้นมา แสดงให้เห็นถึงปรากฏการณ์ Supermoon หรือพระจันทร์เต็มดวงที่ใหญ่ที่สุด และสว่างที่สุดที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งในคืนเดียวกันนั้นเอง ก็เป็นคืนที่เจ้าบ่าวได้ขอเจ้าสาวที่รักของเขาเป็นแฟน

ค่ำคืนที่แสนพิเศษนี้ ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ธีมงานแต่งของทั้งคู่ในค่ำคืนนั้น และด้วยความเฉพาะตัวของเรื่องราวของทั้งคู่ จึงทำให้เกิดเป็นงานที่มีความโดดเด่น และไม่เหมือนใคร


นอกเหนือจากนี้ ความชอบใน minimal architecture ของเจ้าบ่าว และความชอบในทุ่งหญ้าแห้ง และวิวภูเขาหัวโล้นของเจ้าสาว ยังถูกนำมาผสมผสานกัน ผ่านการใช้โครงสร้างอาร์คโค้งที่เรียบง่าย ภาพทิวทัศน์ภูเขา และการตกแต่งโดยใช้ทุ่งหญ้าสีทอง และใบไม้แห้งโดยรอบ สร้างคาแรกเตอร์ที่สื่อถึงตัวตนของคู่บ่าวสาวที่แตกต่าง แต่ลงตัว

สีเอิร์ธโทน หรือสกินโทน ถูกใช้เป็นสีหลักภายในตัวงาน Lighting เน้นแสงสีขาว เอฟเฟกต์จากหิมะตกยังถูกนำเข้ามาใช้ตอนเปิดตัว สร้างบรรยากาศให้เหมือนหน้าหนาว สื่อความหมายถึงคืนที่แสนพิเศษที่ทั้งคู่ตกลงคบหาดูใจกัน จนเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่ดีมาจนถึงทุกวันนี้


9

“MARMORIS”

Description :

ความต้องการของคุณน้ำ และคุณหลุยส์คือ การพูดถึงแสงพระอาทิตย์ที่ส่องลงมากระทบกับพื้นน้ำขณะที่ถูกลมกำลังพัด ทำให้เกิดการสะท้อนแสงระยิบระยับลงมาสู่พื้นผิวน้ำ ภาพรวมของงานจะมีลักษณะ เรียบหรู แต่เก๋ มีการดึงเอาเส้นสายของเกลียวคลื่น ลดทอนให้เป็นรูปลักษณ์ที่ทันสมัย และเป็นเส้นสายที่ไม่ซับซ้อนแต่ยังคงความสวยงามมาใช้ ไฮไลท์ของงานนี้คือ การนำแสงเลเซอร์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมากจากแสงเหนือ นำมาเป็นลูกเล่นภายในงาน เพื่อให้เกิดการสร้างสีสรรค์ และสนุกสนานมากยิ่งขึ้น

ไฮไลท์อีกอย่างคือ การจัดดอกไม้แบบ Landscape เลียนแบบการเกิดขึ้นตามธรรมชาติของดอกไม้ ใช้ดอกไม้สีขาวเป็นหลัก การเลือกใช้คู่สีเหล่านี้ เป็นคู่ที่ทำให้รู้สึกนิ่ง เย็น และสงบ เป็นสีของน้ำตามความลึก และความตื้น มีทั้งเข้ม และอ่อน แซมชมพูตุ่น และเขียวตุ่น ซึ่งเป็นสีจริงของดอกไม้สดที่เรานำมาใส่ในตัวงาน ทำให้ภาพรวมของงานดูไม่แข็งทื่อจนเกินไป


10

“PINK OMBRE HILLS”

Description :

งานนี้ทีมกราฟิกดีไซน์เนอร์ได้รับแรงบัดดาลใจมาจากความชื่นชอบของเจ้าสาว คุณจูนชอบสีชมพู และทองมาก ตัวโครงสร้างภายในงาน มีการออกแบบให้เข้ากันกับการตกแต่งของดอกไม้ พร้อมทั้งยังคงความโดดเด่น และเป็นเอกลักษณ์ให้กับงานแต่งนี้อีกด้วย เมื่อตัวโครงสร้างภายในงานเป็นสีทองแล้ว สีของดอกไม้ภายในงานจึงเป็นสีชมพู และสีขาว ในส่วนของการตกแต่งภายในงานนี้ ทีมกราฟิกดีไซน์เนอร์ต้องการเล่นเทคนิกต่างๆไปที่ตัวดอกไม้ โดยการใช้ดอกไม้เพียงสองสีหลัก แต่มีการไหล่เฉดสี เช่นสีดอกไม้หลักของงานนี้คือสีชมพู ทีมดอกไม้จะไล่เฉดสี ซึ่งมีทั้งชมพูเข้ม และชมพูอ่อน เพื่อให้เกิดมิติ งานนี้มีการตกแต่งด้วยดอกไม้สดล้วน ไม่มีการแซมของใบไม้ หรือดอกไม้สีอื่นๆแต่อย่างใด ซึ่งช่วยเพิ่มความโดดเด่น และเอกลักษณ์ของงานมากยิ่งขึ้น


11

“REFLECTION OF THE STAR”

Description :

ณ นทีที่เย็นสบาย สงบ และปลอดภัยแห่งนี้ ท่ามกลางดวงดาวมากมายบนท้องฟ้า ดาวดวงนี้ขอเป็นเพียงหนึ่งเดียวที่จะสะท้อนลงมาให้ชัดเจน สวยงาม และสว่างไสวที่สุด

ความในใจของเจ้าสาวที่มีต่อเจ้าบ่าว คือแรงบันดาลใจที่ทำให้เกิดผลงานชิ้นนี้ เจ้าสาวเล่าว่า เจ้าบ่าวเปรียบเสมือนกระจกที่สะท้อนให้เห็นตัวตนของเจ้าสาวอยู่เสมอ ซึ่งชื่อของเจ้าสาวนั้นคือ “ดาว” และเจ้าบ่าวคือ “นที” ซึ่งแปลว่าสายน้ำ หรือแม่น้ำ ชื่อของทั้งคู่จึงถูกยกมาเป็นคอนเซปต์หลักที่ว่า “สายน้ำ คือกระจกสะท้อนดวงดาว”


รูปทรงครึ่งวงกลมจาก Snow Globe ที่เจ้าสาวชอบสะสม ถูกใช้เป็นลายเส้นหลักของงาน เพดานถูกตกแต่งด้วย Lighting และคริสตัลทั้งหมด สะท้อนแสงระยิบระยับเปรียบเสมือน “ดวงดาว”บนท้องฟ้า ซึ่งสื่อเป็นนัยยะแทนตัวเจ้าสาว และยังเป็นจุดเปิดตัวของดาวดวงนี้ที่สว่างที่สุด พื้นด้านล่างของเวที ใช้วัสดุมิลเลอร์ที่งานผิวเป็นกระจก คอยสะท้อนดวงดาวบนท้องฟ้า สื่อเป็นนัยยะแทนตัวเจ้าบ่าว

แสงภายในงาน ถูกย้อมให้เป็นโทนสีน้ำเงิน ให้บรรยากาศในยามค่ำคืน อีกทั้งยังเป็นสีที่เจ้าสาวชอบทางเข้าด้านหน้า และแบ็คดร็อปถูกตกแต่งด้วยดอกไม้โทนสีขาว และต้นสนเขียวหม่นด้วยการพ่นสี จากความชอบฤดูหนาว และป่าฟีลต้นสนแถบอลาสก้า และแคนาดาที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะของเจ้าสาวอีกด้วย ซึ่งสถานที่เหล่านี้ก็มักจะปรากฎทิวทัศน์ของทะเลที่สะท้อนดวงดาวนับล้านบนผิวน้ำอยู่เสมอ ซึ่งล้อไปกับคอนเซปต์หลักนั่นเอง


12

“THE VOW”

Description :

จุดเริ่มต้นของงานนี้เกิดจากการที่เจ้าบ่าวของเรา (คุณแบงค์) มีความต้องการที่อยากจะแต่งงานภายในโบสถ์คริสต์ ในช่วงฤดูหนาว แต่ด้วยความที่ทั้งคู่นับถือศาสนาพุทธ ทางทีมกราฟิกดีไซน์เนอร์ลดาวัลย์จึงเนรมิตงาน และความฝันของคู่บ่าวสาวให้เป็นจริง โดยการจำลองสถานการณ์ให้เหมือนคู่บ่าวสาวกำลังจัดงานอยู่ในโบสถ์ ทีมกราฟิกดีไซน์เนอร์ต้องการสร้างกิมมิค ให้ตัวโบสถ์ภายในงานมีความแตกต่างจากโบสถ์คริสต์ทั่วๆไป ซึ่งโบสถ์ส่วนใหญ่จะมีรูปทรงอาร์คโค้ง ดังนั้น ทีมกราฟิกดีไซน์เนอร์จึงปรับเปลี่ยนโครงสร้างโบสถ์ภายในงานให้ออกมาเป็นทรงจั่วโมเดิร์น มีความแหลมชะลูด


อีกทั้ง โทนสีที่ใช้ภายในงานจะไม่ใช่สีขาวปกติ แต่เป็น triple white เป็นสีขาวพิเศษ ขาวในขาวอีกที ซึ่งที่จริงแล้ว งานนี้มีดีเทลต่างๆเยอะมากๆ แต่ด้วยความที่เป็นโทนสีขาว จึงทำให้ส่วนต่างๆภายในงานดูเป็นหนึ่งเดียวกัน และดูไม่เยอะจนเกินไป การตกแต่งภายในงานจะมีความฟรุ้งๆ ขาวๆ และสว่าง สีที่นอกเหนือจากสีขาว คือสีช่อดอกไม้ของเจ้าสาวนั้นเอง ซึ่งเป็นเพียงสีเดียวที่นำมาใช้ภายในงาน



863 views0 comments
bottom of page